ฟรีแลนซ์ อาชีพยอดฮิตแห่งยุคสมัย
ของผู้คนที่โหยหาความอิสระและผลตอบแทนงามๆ
ไม่ต้องทำงานซ้ำวากจำเจหรือเข้างานเป็นเวลาเหมือนมนุษย์เงินเดือน
ทุกวันนี้จึงมีหนุ่มสาวไม่น้อย ที่ตัดสินใจเดินออกจากบริษัทและองค์กร เพราะต้องการที่ใช้ชีวิตอย่างอิสระและประกอบอาชีพที่ตัวเองเลือก
ไม่ว่าจะเป็นช่างภาพ ช่างแต่งหน้าหรือคนเขียนการ์ตูน ฟังดูเหมือนเข้าทีแต่เสียงสะท้อนจากผู้ยึดอาชีพนี้ต่างบอกว่ารายได้ดีก็จริง
แต่ทำไมหนอ เงินทองที่หามาได้กลับไม่ค่อยได้เอาซะเลย บัญชีเงินฝากยังว่างโล่ง
ถ้าเป็นแบบนี้ปัญหาของผู้ยึดอาชีพฟรีแลนซ์นี้อยู่ตรงไหนและพวกเขาควรจัดการเงินทองอย่างไรดีถึงจะทำให้การดำเนินอาชีพอิสระเป็นไปอย่างราบรื่นถึงบั้นปลายของชีวิต
ก้าวแรกในการวางแผนงานของฟรีแลนซ์
ควรเริ่มต้นจากการจุดรายละเอียดรายได้ทุกอย่างที่ได้รับเพราะอาชีพฟรีแลนซ์มีรายได้เข้ามาแน่นอนบางคนได้ทุกวัน
บางคนได้เป็นสัปดาห์ขณะที่บางคนได้เดือนล่ะหลายๆครั้งฟรีแลนซ์หลายคนเมื่อได้เงินมาจึงใช้จ่ายหมดโดยไม่รู้ตัวสิ่งที่ควรทำเมื่อเริ่มต้นจัดการเงินทองคือจดรายได้แต่ล่ะครั้งที่ได้รับเพื่อจะได้รู้ว่าในแต่ล่ะเดือนเราได้เท่าไร
ช่วงแต่งหน้าบางคนได้ชั่วโมงล่ะ 1000บาท คิดดูถ้ารับงาน3-4ครั้งใน1วัน
รายได้จึงดีกว่ามนุษย์เงินเดือน
ปัญหาของพวกนี้คือเพื่อได้เงินมาก็ใช้โดยไม่คิดหน้าคิดหลังเงินก็หมดไปโดยไม่รุ้ตัวความจริงถ้าจดไปว่าได้วันล่ะเท่าไรในเดือนหนึ่งเราก็จะรู้ว่าเดือนนี้มีรายได้เท่าไร
ดวงตาคือหน้าต่างของดวงใจ
ความจริงที่ว่า คนเราเวลารู้สึกอะไรมักจะแสดงออกมาทางแววตาและสีหน้า
ซึ่งยากแก่การควบคุม ดังนั้นเวลาถ่ายภาพบุคคล
ความรู้สึกนึกคิดก็สามารถถ่ายทอดออกมาทางการแสดงสีหน้าและแววตาของบุคคลคนนั้นได้
ด้วยเหตุนี้ เราควรจะถ่ายภาพให้มีความหลากหลายเช่น การมองหรือไม่มองกล้อง
แต่ภาพนั้นต้องสื่อออกมาให้ได้ความรู้สึกและความหมายตามที่เราต้องการด้วย
การมองออกไปที่อื่น ก็สามารถสื่อได้หลายลักษณะเช่น มองแบบเหม่อไร้จุดหมาย
มองแบบหวนคิดถึงความหลัง หรือมองแบบมุ่งมั่นไปสู่อนาคต
สิ่งเหล่านี้แม้จะมองออกไปเหมือนกัน แต่แววตาสีหน้าและท่าทางของตัวแบบจะเป็นตัวบ่งบอกว่าเขามองออกไปด้วยความรู้สึกอย่างไรส่วนการมองกล้องแบบตรงๆนั้น
สีหน้า แววตา และอารมณ์ของตัวแบบมักจะแฝงเอาไว้ในภาพโดยตรงอยู่แล้วเช่นเดียวกัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น