งานแต่งงาน

งานแต่งงาน

วันพฤหัสบดีที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

บทสัมภาษณ์



คุณ จุมพล พรนวม อายุ31ปี มีอาชีพเป็นช่างภาพ Freelance 
ได้ให้สัมภาษณ์วันที่28 กันยายน 2557 วันอาทิตย์ เวลาเที่ยงคืน 
สถานที่ สตูดิโอลาดพร้าว71  the eros studio

โดยสัมภาษณ์ดังต่อไปนี้

เริ่มทำอาชีพนี้ตั้งแต่เมื่อไรคะ?  อ่อ ปี50ครับเข้าไปเป็นช่างภาพเป็นผู้ช่วยกับสตูดิโอยูสมายคิสเป็นพนักงานอยู่ 3-4เดือน คือผมพัฒนาตัวเองมาเรื่อยๆ

กว่าจะมีวันนี้ได้ต้องผ่านอะไรมาเยอะไหมคะ?   คือตัวผมไม่มีต้นทุนชีวิต สร้างตัวเองมาเรื่อยๆตั้งแต่เป็นฟรีแลนซ์ และเริ่มทำงานจากการถ่ายเวดดิ้ง วันหนึ่งเราไปทำงานให้สตูดิโอที่หนึ่งแล้วลูกค้าได้มาซื้อผลงานซื้อด้วยมูลค่าเป็นหลักแสน เราเลยคิดว่าทำไมไม่มาเปิดร้านเป็นของตัวเองล่ะ เลยไปหาสถานที่ ยิ่งมากความยิ่งมากคน
ยิ่งมากคนยิ่งมากความคิด

คะแล้วพี่พลชอบถ่ายรูปแนวไหนคะ?  ชอบถ่ายคน เพราะว่ามันเป็นอะไรที่เสพง่าย เพราะคนทุกคนอยากได้รูปโปร์ไฟล์ที่สวย อยากให้คนอื่นเห็นเราในมุมมองสวย ถึงไม่ใช่ดาราแต่ก็อยากมีรูปสวยๆแค่นั้นเอง

แล้วเวลาถ่ายรูปต้องมีจินตนาการไหมคะ?  แน่นอนครับหลายครั้งที่ผมทำการสื่อสารเกี่ยวกับมุมมองหลายๆคน คือคนส่วนใหญ่มักให้มุมมองของอุปกรณ์ก่อน

อันนี้สำคัญเลยคะพี่พล สุขภาพเนี่ยเป็นสิ่งสำคัญไหมคะ?  สำคัญครับเอาเป็นว่าพูดกันขำๆเพื่อนที่ผมรู้จักหรือช่างภาพที่ผมรู้จักส่วนใหญ่ม่มีใครมีสุขภาพดีเลย

คะพี่พลได้เงินเดือนเท่าไรคะ?   คือมันวัดความสามารถของเราส่วนหนึ่ง วินัยนิสัย ผมก็ประมาณ4-5หมื่น

คะพี่คิดว่าอาชีพช่างภาพในอนาคตเนี่ยมันจะดันหรือไปไม่รอดไม่คะ?  ไม่นะ เพราะพี่เชื่อมั่นในแนวทางของพี่ว่างานตรงนี้ถ้าเรามีความตั้งใจและสื่อสารให้คนรับรู้เวลาคุณเข้าสตูคุณควรรู้จักกับช่างภาพไม่ใช่ไปถาม เซลล์ขายของ


คะอยากให้พี่พลฝากอะไรถึงน้องๆที่คิดอยากเป็นช่างภาพในอนาคตไหมคะว่าาต้องเตรียมตัวยังไง?  
 รักมันก่อนและก็มีไฟไว้อย่าพึ่งหมดไฟและก็มุ่งมั่นคือวันหนึ่งที่เราไปทำในสิ่งที่เราไม่ชอบ เคยเรียนเคยอยู่ในห้องไมครับ ทำไมเราต้องเรียนฟิสิกส์ทำไมต้องเรียนเคมีและก็ไปลอก แล้วถ้าวันหนึ่งที่คุณหลงรักมัน คุณรู้สึกว่าคุณอยากรู้คุณจะกะหายที่สิ่งคุณอยากรู้เองโดย อัตโนมัติคุณจะอยากรู้ว่าเขาทำยังไง อยากรู้มากอยากทุ่มเททุกอย่าง ทุกวันนี้พี่ก็เรียน หาหนังสือมาอ่าน และไม่ยอมที่จะหยุดฝึกฝนตัวเองครับ

แหล่งข้อมูล


การเลือกแหล่งสารสนเทศที่เป็นบุคคล ได้แก่ผู้เชียวชาญ ผู้รอบรู้ โดยไปพบปะพูดคุยเกี่ยวกับเนื้อหาจากผู้เชี่ยวชาญคนนั้นโดยตรง และอีกอย่างคือแหล่งสารสนเทศที่เป็นสถาบันคือห้องสมุด สามารถหาข้อมูลได้ชัดเจนรวมทั้งฐานข้อมูลที่เป็นคอมพิวเตอร์โดยมีบรรณารักษ์เป็นผู้บริหารงานและดำเนินการต่างๆเพื่อให้บริการแก่ผู้ใช้ห้องสมุด

วิธีการรวบรวมสาระสนเทศ : การสัมภาษณ์ผู้ให้คำตอบโดยตรง เป็นวิธีการที่ได้ข้อมูลที่ละเอียดและได้คำตอบที่ครบถ้วนและบันทึกเสียงได้ วิธีนี้นิยมใช้กันอย่างมาก


วันพุธที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

รู้จักอาชีพช่างภาพให้มากขึ้น

ฟรีแลนซ์ อาชีพยอดฮิตแห่งยุคสมัย ของผู้คนที่โหยหาความอิสระและผลตอบแทนงามๆ ไม่ต้องทำงานซ้ำวากจำเจหรือเข้างานเป็นเวลาเหมือนมนุษย์เงินเดือน ทุกวันนี้จึงมีหนุ่มสาวไม่น้อย ที่ตัดสินใจเดินออกจากบริษัทและองค์กร เพราะต้องการที่ใช้ชีวิตอย่างอิสระและประกอบอาชีพที่ตัวเองเลือก ไม่ว่าจะเป็นช่างภาพ ช่างแต่งหน้าหรือคนเขียนการ์ตูน ฟังดูเหมือนเข้าทีแต่เสียงสะท้อนจากผู้ยึดอาชีพนี้ต่างบอกว่ารายได้ดีก็จริง แต่ทำไมหนอ เงินทองที่หามาได้กลับไม่ค่อยได้เอาซะเลย บัญชีเงินฝากยังว่างโล่ง ถ้าเป็นแบบนี้ปัญหาของผู้ยึดอาชีพฟรีแลนซ์นี้อยู่ตรงไหนและพวกเขาควรจัดการเงินทองอย่างไรดีถึงจะทำให้การดำเนินอาชีพอิสระเป็นไปอย่างราบรื่นถึงบั้นปลายของชีวิต



ก้าวแรกในการวางแผนงานของฟรีแลนซ์  ควรเริ่มต้นจากการจุดรายละเอียดรายได้ทุกอย่างที่ได้รับเพราะอาชีพฟรีแลนซ์มีรายได้เข้ามาแน่นอนบางคนได้ทุกวัน บางคนได้เป็นสัปดาห์ขณะที่บางคนได้เดือนล่ะหลายๆครั้งฟรีแลนซ์หลายคนเมื่อได้เงินมาจึงใช้จ่ายหมดโดยไม่รู้ตัวสิ่งที่ควรทำเมื่อเริ่มต้นจัดการเงินทองคือจดรายได้แต่ล่ะครั้งที่ได้รับเพื่อจะได้รู้ว่าในแต่ล่ะเดือนเราได้เท่าไร ช่วงแต่งหน้าบางคนได้ชั่วโมงล่ะ 1000บาท คิดดูถ้ารับงาน3-4ครั้งใน1วัน รายได้จึงดีกว่ามนุษย์เงินเดือน ปัญหาของพวกนี้คือเพื่อได้เงินมาก็ใช้โดยไม่คิดหน้าคิดหลังเงินก็หมดไปโดยไม่รุ้ตัวความจริงถ้าจดไปว่าได้วันล่ะเท่าไรในเดือนหนึ่งเราก็จะรู้ว่าเดือนนี้มีรายได้เท่าไร

ดวงตาคือหน้าต่างของดวงใจ
ความจริงที่ว่า คนเราเวลารู้สึกอะไรมักจะแสดงออกมาทางแววตาและสีหน้า ซึ่งยากแก่การควบคุม ดังนั้นเวลาถ่ายภาพบุคคล ความรู้สึกนึกคิดก็สามารถถ่ายทอดออกมาทางการแสดงสีหน้าและแววตาของบุคคลคนนั้นได้ ด้วยเหตุนี้ เราควรจะถ่ายภาพให้มีความหลากหลายเช่น การมองหรือไม่มองกล้อง แต่ภาพนั้นต้องสื่อออกมาให้ได้ความรู้สึกและความหมายตามที่เราต้องการด้วย การมองออกไปที่อื่น ก็สามารถสื่อได้หลายลักษณะเช่น มองแบบเหม่อไร้จุดหมาย มองแบบหวนคิดถึงความหลัง หรือมองแบบมุ่งมั่นไปสู่อนาคต สิ่งเหล่านี้แม้จะมองออกไปเหมือนกัน แต่แววตาสีหน้าและท่าทางของตัวแบบจะเป็นตัวบ่งบอกว่าเขามองออกไปด้วยความรู้สึกอย่างไรส่วนการมองกล้องแบบตรงๆนั้น สีหน้า แววตา และอารมณ์ของตัวแบบมักจะแฝงเอาไว้ในภาพโดยตรงอยู่แล้วเช่นเดียวกัน





ตามติดชีวิตช่างภาพ

                                                                                                      
                                                                                                                          

ง่ายๆแค่นับ 1-2-3 (แล้วต่ออีกหน่อย)
โดยปกติเวลาจะถ่ายภาพบุคคล ส่วนใหญ่จะนับ 1-2-3 เพื่อให้ตัวแบบได้ทราบว่าเรากำลังจะถ่ายภาพ ซึ่งเป็นการดีตัวแบบจะได้รู้ตัว แต่ในอีกนานหนึ่งอาจจะทำให้รู้สึกเกร็ง และภาพที่ได้อาจไม่ใช่ตัวตนแบบที่แสดงออกมาจากการนับ 1-2-3 เพื่อถ่ายภาพ  อีกหนึ่งวิธีที่อยากแนะนำให้ลองนำไปใช้คือ การนับ 1-2-3 เพื่อถ่ายภาพไปตามปกติก่อน 1ภาพ จากนั้นให้ลองนับเลขต่อในใจ ไม่ต้องนับออกมาดังๆ ต่อไปอีกเป็น 4-5-6 แล้วลองกดชัดเตอร์ลงไปอีกครั้งหรือหลายๆครั้งก็ได้ เพื่อเก็บภาพที่เป็นปฏิกิริยาตอบสนองของผู้คนภายหลังจากการโดนถ่ายภาพไปแล้ว ซึ่งจะมีความเกร็งน้อยกว่าและมีความเป็นธรรมชาติ ในตัวบุคคลมากขึ้น เป็นวิธีที่ทำได้โดยไม่ยากหรือไม่ต้องใช้เทคนิคที่ซับซ้อนอะไรเลย เพียงแค่นับเลขต่อไปอีกประมาณ4-5-6แล้วถ่ายภาพต่ออีก 1-2ภาพ อย่างน้อยก็ได้ภาพไว้เพื่อเลือกมากขึ้น






สีสัน คือความเป็นสีแท้ที่คุณสมบัติของสีๆ หนึ่งจะถูกกำนกโดยความยาวคลื่นแสงที่สะท้อนจากวัตถุเข้าสู้นัยน์ตาของมนุษย์ จนมองเห็นเป็นสีต่างๆ เช่นสีแดง สีเหลือง สีน้ำเงิน ฯลฯ หรืออาจกล่าวได้ว่า สีสันหรือสีแท้นี้จะเป็นสีที่มิได้ผสมด้วยขาว เทา ดำ และไม่ได้คำนึงถึงน้ำหนักอ่อนแก่และความข้าวของสี ซึ่งสามารถแยกได้เป็น2ประเภทคือ chromatic colours หรือสีที่สามารถจำแนกได้อย่างชัดเจน เช่นสีเขียว สีเหลือง สีแดง เป็นต้น  ประเภทที่2คือ achromatic colours หรือสีที่มีค่าในระดับเดียวอย่างสีขาวและสีดำ กล่าวคือสีดำจะไม่มีสีที่ดำกว่า หรือสีที่ขาวก็จะไม่มีที่ขาวกว่า









  มองโลกด้วยสองตาพูดจากับแบบด้วยใจปกตินางแบบหรือนายแบบ แม้ว่าจะเคยผ่านงานมาบ้างแล้วก็ตาม แต่บางครั้งก็ยังอาจรู้สึกขัดเขินกับการที่ต้องคอยยืน หรือโพสท่าทางต่างๆให้กับตากล้อง โดยเฉพาะถ้าเป็นภาพที่มองตรงไปที่กล้องนานๆเพราะต้องยืนอยู่ต่อหน้ากล้องที่ไม่มีชีวิตจิตใจ อาจทำให้ถาพออกมาดูไร้ชีวิตชีวาไปด้วย แนะนำว่าให้ตากล้องที่อยู่หลังกล้องนั้นต้องไม่ใส่ใจเฉพาะภาพในช่องมองภาพ ควรละสายตาออกมาจากช่องมองภาพบ้าง โดยมองไปที่ตัวแบบโดยตรง เพื่อให้ตัวแบบรู้สึกว่าไม่ได้ยืนอยู่กับกล้องที่ไร้ชีวิตจิตใจ

วันจันทร์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

แนะนำตัวเอง

                                       
                                              ชื่อ นางสาวปรียาภรณ์ ชุมนุมราษฎร์ 
                                                         ชื่อเล่น ฟีม อายุ20ปี 
                                               เกิดวันที่ 1 เดือน มีนาคม พ.ศ. 2537


เป็นคนจังหวัดบึงกาฬคะ  จังหวัดน้องใหม่ 
       เรียนอยู่คณะ นิเทศศสาตร์ สาขา  ภาพยนตร์และสื่อวิีทัศน์ ชั้นปีที่2
ชอบ ดูหนัง ฟังเพลง ถ่ายรูป อ่านนิยาย 
เป็นคนมีโลกส่วนตัวสูง รักอิสระไม่ชอบการบังคับ
การถ่ายรูป มันมีความสุขที่สุด มันทำให้เรายิ้มได้ตลอดเวลา